หลายคนเวลา เลือกสีทาบ้าน ทีไรก็เจอปัญหาปวดหัวทุกครั้ง เพราะการเลือกสีทาบ้านนี่ไม่ได้ดูแค่ความสวยงามหรือถูกใจอย่างเดียว ยังมีรายละเอียดและข้อมูลลึก ๆ อีกมากมายที่ต้องรู้ก่อนลงมือทำจริง ใครที่ยังเลือกไม่ได้หรือยังลังเลอยู่ ตามมาดูวิธีการเลือกสีทาบ้านแบบละเอียด ๆ กันดีกว่า
เจาะลึกประเภทสีทาบ้านให้เข้าใจกันชัด ๆ
ก่อนจะซื้อสีทาบ้านมาใช้จริง สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนเลยคือประเภทของสี เพราะแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน เช่น
- สีน้ำอะคริลิก สีน้ำอะคริลิกเหมาะกับสภาพอากาศในไทยที่สุด เพราะทาง่าย กลิ่นไม่แรง ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ที่สำคัญแห้งเร็วมากด้วย ส่วนมากนิยมใช้กับผนังภายในและภายนอกที่ไม่เจอแดดแรงจัด นอกจากนี้ยังมีข้อดีที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือ ทนต่อการเกิดเชื้อราและตะไคร่น้ำได้ดี เหมาะสุด ๆ สำหรับบ้านที่อยู่ในพื้นที่ชื้น เช่น ใกล้แม่น้ำ ทะเล หรือพื้นที่ที่ฝนตกบ่อย ๆ นั่นเอง
- สีน้ำมัน สีน้ำมันอาจดูเป็นตัวเลือกที่ยุ่งยากขึ้นนิดหน่อย เพราะกลิ่นแรงและแห้งช้ากว่าสีประเภทอื่น แต่จุดเด่นที่หลายคนอาจมองข้ามคือ สีชนิดนี้มีความเงางามมาก สามารถป้องกันสนิมและคราบสกปรกได้ยอดเยี่ยมสุด ๆ เหมาะสำหรับงานทาสีโครงเหล็ก ประตู หน้าต่าง หรือพื้นที่ที่ต้องเจอการใช้งานหนัก ๆ เช่น บันได หรือราวจับต่าง ๆ
- สีทาฝ้าเพดาน สีชนิดนี้จะมีเนื้อด้านและความหนืดสูงกว่าสีทั่วไป จุดเด่นคือปิดรอยตำหนิบนพื้นผิวได้ดีมาก ไม่สะท้อนแสง ทำให้พื้นที่เพดานดูเรียบเนียนกว่าเดิม บางคนชอบเอาไปใช้กับผนังห้องดูหนังหรือห้องนอนที่ต้องการความเรียบหรูด้วยนะ
เลือกสีทาบ้านให้เหมาะกับทิศทางและแสงธรรมชาติ
ทิศทางของบ้านมีผลกับการเลือกสีทาบ้านเยอะมาก ซึ่งหลายคนมักมองข้ามไป ถ้าบ้านหันไปทางทิศตะวันออกจะโดนแสงเช้าสบาย ๆ สีที่เหมาะคือสีโทนอ่อน เช่น เหลืองพาสเทล ชมพูอ่อน หรือสีโทนธรรมชาติอย่างครีม จะช่วยให้บ้านดูอบอุ่นรับวันใหม่
แต่ถ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันตกที่แดดแรงตลอดบ่าย สีที่ควรเลือกคือโทนเย็น อย่างสีเขียวมิ้นท์ ฟ้าอ่อน หรือเทาอ่อน ช่วยลดความร้อนและให้ความรู้สึกเย็นสบายตา เหมือนมีแอร์ธรรมชาติคอยเปิดให้ทั้งวัน
สำหรับบ้านทิศเหนือที่แสงธรรมชาติน้อย แนะนำสีสดใสหรือสีที่ช่วยเพิ่มความสว่าง เช่น สีขาวอมเหลืองหรือครีมอ่อน ๆ จะช่วยให้บ้านไม่ดูอึมครึม ส่วนบ้านทิศใต้รับลมดีอยู่แล้ว จะใช้สีโทนไหนก็สวยได้หมด แต่ถ้าอยากให้บ้านดูเย็นกว่าเดิมอีกหน่อย ลองเลือกสีโทนเย็นผสมเทา รับรองเย็นใจเย็นตาทุกวัน
เทคนิคตรวจสอบผิวผนังก่อนทาสีจริง
สภาพผิวผนังแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน และมีผลกับการเลือกสีมากด้วย ใครที่ผนังมีรอยแตกหรือไม่เรียบเนียน ต้องเลือกใช้สีกึ่งเงาหรือสีกึ่งด้าน เพราะช่วยปิดบังริ้วรอยได้ดีเยี่ยม แต่ถ้าผิวผนังเรียบสนิท ไม่มีริ้วรอย ก็สามารถเลือกสีเงาหรือด้านได้ตามใจเลย
แต่ถ้าเจอปัญหาผนังชื้นง่าย มีรอยน้ำซึม แนะนำให้เลือกใช้สีที่มีคุณสมบัติกันชื้นโดยเฉพาะ หรือสีที่มีสารป้องกันเชื้อรา จะช่วยให้ผนังดูใหม่อยู่เสมอ แม้เวลาผ่านไปนานหลายปี
สีทาบ้านกับการใช้งานพื้นที่แต่ละส่วน
การเลือกสีให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละห้องสำคัญไม่แพ้ข้ออื่น ๆ อย่างห้องครัวที่เจอคราบน้ำมันหรือไอน้ำเป็นประจำ ควรเลือกใช้สีกึ่งเงาหรือสีน้ำมันที่เช็ดล้างได้ง่ายที่สุด เพราะคราบสกปรกจะไม่สะสม ไม่ทำให้บ้านดูเก่าหรือโทรมง่าย
สำหรับห้องน้ำแนะนำสีที่มีคุณสมบัติกันความชื้นและป้องกันเชื้อรา เช่น สีน้ำอะคริลิกชนิดพิเศษสำหรับห้องน้ำโดยเฉพาะ
ส่วนห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น เน้นใช้สีโทนอ่อนหรือสีด้าน ที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศในการพักผ่อนอย่างแท้จริง เช่น สีฟ้าอ่อน สีเขียวพาสเทล หรือสีชมพูตุ่น ๆ เพราะโทนสีแบบนี้ดูสบายตา ทำให้อารมณ์ผ่อนคลายได้ดีกว่า
เทรนด์สีทาบ้านใหม่ล่าสุดที่กำลังมาแรง
ในปีนี้เทรนด์สีที่มาแรงมากในหมู่บ้านยุคใหม่จะเป็นโทนนู้ดหรือเอิร์ธโทน เช่น สีกาแฟอ่อน สีเทาอมเบจ หรือสีน้ำตาลคาราเมล เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่น อยู่แล้วสบายใจ เหมือนมีคาเฟ่ส่วนตัวอยู่ที่บ้าน นอกจากนี้สีเขียวตุ่น ๆ ยังเป็นที่นิยมมากสำหรับบ้านสายรักษ์โลก
อีกเทรนด์ที่คนไทยชอบมากคือ สีพาสเทลสดใสอย่างสีชมพูอ่อน สีฟ้าเบบี้บลู หรือสีเหลืองนวล เพราะช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้กับบ้าน เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็กหรือวัยรุ่นที่ชอบบ้านสไตล์น่ารัก สดใสอยู่แล้วแฮปปี้ทุกวัน
ทดสอบสีก่อนใช้จริง ป้องกันความผิดพลาด
เทคนิคสุดท้ายก่อนลงมือทาจริงคือการทดลองทาสีบนผนังขนาดเล็ก แล้วทิ้งไว้ประมาณ 1-2 วัน ให้แน่ใจว่าสีที่เลือกตรงกับแสงจริงที่ตกกระทบ จะได้ไม่เกิดปัญหาทาสีแล้วผิดหวัง เพราะสีที่เราเห็นในแคตตาล็อกอาจไม่ตรงกับสีที่บ้านจริงเสมอไป
ทำแบบนี้รับรองเลยว่าจะช่วยให้ทุกคน เลือกสีทาบ้าน ได้ถูกใจที่สุดแบบไม่พลาดแน่นอน!